2019

70’S lover มาเลเซีย ทริป ep.1

 แถวละแวกบ้านเรา เราไปเที่ยวไหนกันต่อดี ? เป็นคำถามที่ผมกับเพื่อนๆ พูดคุยกันหลังจากไปเที่ยวลาว(รอบที่3)กลับมา “มาเลเซีย” เป็นคำตอบที่พวกเราเห็นพ้องต้องกันว่าน่าไป ด้วยสาเหตุว่า…

  • รถมอเตอร์ไซด์ไทยเข้าง่ายออกง่าย
  • ใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารกัน
  • มีเมืองมรดกโลกสุดจ๊าบ(ภาษาวัยรุ่น90)อย่างปีนังและมะละกา
  • เราไม่เคยขี่รถไป (เคยบินไปงานArt of Speedสองสามครั้งแต่ก็วนๆ อยู่แต่ในKL)
  • อยาก OK เบตง

อย่างที่รู้ๆ กันชาว’70 เราลงหลักปักฐานกันอยู่ที่ประเทศเจียงใหม่ กว่าจะไปถึงจุดผ่านแดนไทยมาเลย์เราคงใช้เวลาในการขับขี่หลายวัน เพื่อนบางคนลางานยาวขนาดนั้นอาจโดนไล่ออกก็เป็นได้ เราจึงวางแผนส่งรถไปลงที่หาดใหญ่แล้วเราบินตามไปขี่แทน เพื่อใช้เวลาทั้งหมดที่เรามีขี่ในประเทศมาเลเซียให้ได้มากที่สุด รถในทริปนี้เราเลือกใช้รถพิกัดกลาง เทคโนโลยีบ้านๆ อย่างยามาฮ่า SR และ ฮอนด้า CL ด้วยเหตุที่มันถึกทนมือทนตีน อะไหล่ถูก พังไหนก็ซ่อมได้

ค่าส่งรถไปกลับจากเชียงใหม่-หาดใหญ่ ตกคันละ 6,000 รวม 4 คันก็ 24,000 บาท เราเน้นถูกส่งไปกับรถหกล้อ (ก็บอกแล้วว่ารถ’70เราต้องทนมือทนตีน ถลอกจากการขนส่งบ้างก็ไม่คิดอะไรมาก) ค่าตั๋วเครื่องบินบินตรงไปกลับก็ตกคนละ 5,700 บาท เงินติดกระเป๋าเราเตรียมไปคนละ 12,000 บาท ไป 26 ธันวาคม กลับ 7 มกราคม มีเวลาหนีเมียเที่ยวแบบแมนๆ กัน 12 วันเต็มๆ (สุขใจเมื่อไกลเมีย)

แผนการเดินทางของพวกเราก็ไม่มีอะไรมากคอนเซปต์เดิม “ขี่ไปเรื่อยๆ ที่ไหนสนุกก็อยู่หลายวันหน่อย” ส่วนตัวผมต้องเซตรถเยอะกว่าคนอื่นเขาหน่อย เพราะรอบนี้ผมไม่ได้ไปคนเดียว ทริปนี้ผมมีคนซ้อนไปด้วย มันคือเพื่อนสมัยเด็ก “เสี่ยบอส” เซเลประดับรากหญ้าในจังหวัดเชียงใหม่ (จริงๆ ในทริปเราก็มีแต่เพื่อนสมัยเด็กกันทั้งหมด รู้จักกันกินๆ เที่ยวๆ ด้วยกันมาตั้งแต่หนวดยังไม่งอก จนตอนนี้อายุ 40 หนวดเริ่มหงอกแล้วก็ยังกินๆ เที่ยวๆ ด้วยกันอยู่)

เอาตรงๆ เสี่ยบอสเองเขาก็มีรถอยู่1คัน ใช้ขี่เล่นดื่มสุราแถวๆ เชียงใหม่เป็นรถรอยัลเอนฟิลด์ 500 คลาสสิค แต่เนื่องด้วยเสี่ยเขาคงวิเคราะห์แล้วว่าแปรสภาพค่าส่งรถและค่าน้ำมัน เอาไปเป็นค่าสุรานารีและสถานเริงรมย์ดูแล้วจะคุ้มกับตัวเองมากกว่า (อันนี้เราไม่ว่ากัน รสนิยมใครรสนิยมมัน)  

วันที่ 26 ธันวาคม

เราเดินทางด้วยเครื่องบินมาลงที่สนามบินหาดใหญ่ ถึงเวลาประมาณเที่ยงๆ นั่งรถกระป้อจากสนามบินไปรับรถในตัวหาดใหญ่(ค่ารถ200บาท) เติมน้ำมัน มัดข้าวของเครื่องใช้แล้วขี่อีก50กว่ากิโลไปนอนที่ชายแดนตรงด่านนอก เช็คอินที่โรงแรมเสร็จสิ่งที่เสี่ยเรียกร้องมาอันดับแรกเลยก็คือการไปท่องราตรีในตัวด่านนอก  เราดื่มกินเที่ยวกันแบบพอประมาณแล้วก็กลับเข้าที่พักเตรียมตัวเตรียมร่างกายขี่รถต่อกันในวันพรุ่งนี้


27 ธันวา ด่านนอก-ปีนัง  กำเนิดตี๋ KL!!!!

พลพรรค 70’S lover ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองสะเดา
เสี่ยบอสสดกว่าทุกคน

เราตื่นเช้ากันพอประมาณ เพื่อจัดการเอกสารที่หน้าด่าน ใบแปลเล่ม พาสปอร์ต เงินอีกพันสามร้อยกว่าบาทเพื่อซื้อประกัน ตัดสติ๊กเกอร์ทะเบียนภาษาอังกฤษเพื่อเข้ามาเลเซีย ซิมการ์ดอีก250บาท(สำหรับ1เดือน) เราขี่ข้ามด่าน แวะซื้อสุราปลอดภาษีกันคนละขวด เนื่องจากในมาเลย์หาซื้อยากและราคาค่อนข้างแพง ออกจากด่านมานิดหน่อย ก็แวะเติมน้ำมันราคามาเลย์กันเต็มถัง มุ่งหน้าสู่จอร์จทาวน์ รัฐปีนัง เมืองมรดกโลกของมาเลเซีย ขี่กันมาเรื่อยๆ บนทางหลวงของมาเลเซีย ระยะทางประมาณ 163 กิโล กับพรรคพวกที่ขี่ด้วยกันมาหลายปี ทำให้เราไม่ได้วิตกอะไรมากมาย จนปัญหาที่เราไม่ได้คิดว่ามันจะเกิดมันเกิดขึ้นแบบไม่คาดฝัน ไอ้ตี๋หลุดขบวนหลงไปกัวลาลัมเปอร์ !!!!

บก.เต่ากับเอสอาร์ วิสามัญประจำบ้าน

เนื่องจากปัญหาเรื่องน้ำมันในหลายๆ ทริปทำให้ทีมงาน 70 เราอัพเกรดถังหรือรถให้เป็นรถที่เติมน้ำมัน 1 ครั้งแล้ววิ่งได้เกิน 200 กิโลขึ้นทุกคัน ยกเว้นรถดีแทรคเกอร์ของตี๋ ด้วยความที่รถมันเป็นรถปีใหม่ มั่นใจว่าไม่มีพัง ตี๋จึงมักขี่ปิดท้ายให้พวกเรา รอบนี้รถตี๋แวะเติมน้ำมัน หลุดขบวนจากเพื่อน  ซิมมาเลย์ตี๋ไม่ซื้อ ภาษาอังกฤษผมว่ามันไม่อ่าน ตี๋จึงขี่ไม่เลี้ยวซ้ายไม่เลี้ยวขวาตรงไปKLคนเดียว!!! เราไม่รู้ทำยังไง ติดต่อก็ไม่ได้จึงได้แต่ทิ้งโลเคชั่นที่พักในปีนังไว้ให้ในข้อความ แล้วโพสต์ขอความช่วยเหลือในเพจของคนขี่รถในมาเลเซีย ซึ่งก็ไม่ผิดหวังมีไบเกอร์มาเลย์มาแชร์มาช่วยเหลือมากมาย(ซึ้งใจจริงๆ ครับ)

ตี๋ KL ดังในชั่วข้ามคืน

เราเข้ามาเปิดโฮสเทลแบบเหมาห้อง 5 เตียงนอนแบบวิตกกังวลเป็นห่วงเพื่อน รออยู่สักพักใหญ่ ตี๋ก็โทรกลับมาว่าตอนนี้หลงไปKL วันพรุ่งนี้จะขี่กลับมาหาที่ปีนัง ทุกคนรู้สึกโล่งใจ หลังจากนั้นเราก็ไปหาอะไรกินในจอร์จทาวน์แล้วกลับมาดื่มกินกันที่โรงแรมต่อ พักผ่อนรอไอ้ตี๋กลับมาพรุ่งนี้เราจะไปเดินเล่นเมืองเก่ากับเข้างานของเพื่อนชาวมาเลย์กัน

28 ธันวา ไอ้ตี๋กลับมาแล้ว – ปีนัง

หลังจากพลัดพรากจากกันเกือบ 400 โล

เราตื่นกันตามกิริยา หาข้าวรองท้อง กินกาแฟสูบบุหรี่ ได้สักพักตี๋ก็ขี่รถเข้ามาที่โรงแรม(มันบอกว่าตื่นตั้งแต่ตี5เพื่อหวดรถกลับมา) ทุกคนดีใจ พูดคุยกันสักพักเราก็เช็คเอาท์ เก็บข้าวของชวนกันไปเดินถ่ายรูปสตรีทอาร์ทเล่นในจอร์จทาวน์ เดินเล่นจนทั่วประมาณบ่ายสามโมงเราก็นัดเจอเอกกับเอ็กซ์เพื่อรวมตัวกันขี่รถไปงานของเพื่อนชาวมาเลย์ที่ชายหาดนอกตัวเมือง เราปาร์ตี้กันจนดึกดื่นพอสมควร งานสนุกเป็นกันเอง มีดนตรีมีอาหารกินกันอิ่มหมีพีมัน ทักทายพูดคุยกันสนุกสนาน “ตี๋KL” กลายเป็นคนดังในมาเลย์แค่ชั่วข้ามคืน คนมาเลย์คงสงสัยว่า ไอ้คนไทยนี่มันหลงไปได้ยังไงตั้งเกือบ400โล แล้วทำไมถึงไม่ซื้อซิมมาเลย์(จะบอกความจริงว่ามันขี้เหนียวก็อายเขา)

รถไซต์กลาง คล่อง สะดวก ไม่ทำให้ใครแตกตื่น
โมดิฟายให้พร้อมทั้งคนและรถ
โมเม้นต์นี้ ใช่เลย

29 ธันวา มุ่งหน้าสู่เมือง อีโปร์

ก่อนแยกกัน เอกกับเอ็กซ์แนะนำให้เราไปนอนที่เมืองอีโปร์เมืองเก่าน่ารักอีกเมืองระยะทางร้อยหกสิบกว่ากิโลจากปีนัง  ที่นี่ผมมองว่าเหมือนเชียงใหม่มาก ขี่ออกนอกเมืองไปหน่อยก็มีถนนสวยๆ ให้ขี่รถ ในตัวเมืองก็มีทั้งความเก่าและทันสมัยผสมผสานกัน เราเข้าพักในโฮสเทลที่เอกแนะนำมา เจ้าของเป็นคนชอบขี่รถมอเตอร์ไซด์ท่องเที่ยวเหมือนกัน เราเลยได้ข้อมูลการท่องเที่ยวที่น่าสนใจจากคนท้องถิ่นเพิ่มมาอีกพอสมควร ที่อีโปร์ก็มีสตรีทอาร์ทสวยๆ อาหารและขนมที่คนไทยกินง่ายอย่างอาหารจีน ข้าวมันไก่ บะหมี่ ซาลาเปา คืนนี้เราค่อนข้างเพลีย เดินเล่นดื่มกินกันพอประมาณแล้วก็เข้านอน เพื่อจะตื่นเช้าไปเดินย่านเมืองเก่า

30 ธันวา มุ่งหน้าสู่คาเมรอนไฮแลนด์และKL

วันนี้เราตื่นกันค่อนข้างเช้า เดินเล่นเมืองเก่ากินติ่มซำแล้วแวะเดินดูของเก่าที่ถนนคนเดินในตัวเมือง เก็บข้าวของแวะเติมกาแฟเติมน้ำมัน เราค่อยๆ ขี่ไต่ความสูงขึ้นไปที่คาเมรอนไฮแลนด์ ซึ่งว่ากันว่าอากาศเย็นสบายทั้งปี 17-18 องศา เมืองที่มีไร่ชา  ไร่สตรอเบอรี่ ช่วงที่เรามาคนเยอะมากเนื่องจากเป็นวันหยุดยาว(สารภาพว่าไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไหร่ 555 เพราะพวกเราอยู่เชียงใหม่) ขี่กินลมชมวิวกันมาเรื่อยๆ จนมาเจอฝนตกหนักระหว่างจะข้ามเขาเข้ากัวลาลัมเปอร์ เราเลือกจะขี่ลุยฝนเพื่อลากยาวมากัวลาลัมเปอร์เลย

Selamat Datang
มิตรภาพไร้ ซี.ซี.

ระหว่างทางเจอวัยรุ่นขี่รถเล็กเที่ยวกันเป็นกลุ่มๆ อยู่เป็นระยะ มีทั้งสองจังหวะและสี่จังหวะ (น่าจะพากันมาเที่ยววันหยุด) ขี่ข้ามเขามาสักพักก็ขึ้นทางด่วน เราขี่เข้ามานอนในKL1คืน แวะถ่ายรูปกับตึกแฝดพอเป็นธรรมเนียม ผมกับเต่ามาเที่ยวKLบ่อย เพราะเรามางาน Art of speed  KLเป็นเมืองใหม่ที่ทันสมัย จึงไม่ได้เป็นจุดโฟกัสของเราเท่าไหร่ เราจึงเลือกดื่มกินพอประมาณแล้วกลับมาที่พัก เก็บแรงไว้ขี่ต่อในวันพรุ่งนี้ “มะละกา”

สัญลักษณ์ว่าถึง KL

31 ธันวา เคาท์ดาวน์ที่ มะละกา

ทุกปีถ้าไม่มีอะไร เราจะออกไปฉลองปีใหม่กันที่ประเทศเพื่อนบ้าน ทำมาเป็นประจำมาหลายปีติดต่อกัน หลวงพระบาง ดานัง เชียงขวาง ปีนี้เราเลือกมะละกา เมืองมรดกโลกของมาเลเซียเป็นที่ฉลองกัน(เมื่อก่อนที่ฉลองแบบสิ้นคิดของเราคือริเวอร์ไซด์เชียงใหม่ ถ้าไม่ออกไปเที่ยวไหนเราจะรวมหัวกันอยู่ที่นั่นทุกปี)

เราขี่ออกจากKL มาด้วยทางด่วน ระยะทางจากเมืองหลวงใหม่มาเมืองหลวงเก่าก็ใช้เวลาประมาณ สองชั่วโมงกับระยะทางไม่ไกล 145 กิโล เราจองโรงแรมติดแม่น้ำไว้ ซึ่งเป็นโซนที่อยู่ในย่านเมืองเก่า สามารถเดินข้ามสะพานไปจตุรัสดัตช์ ไชน่าทาวน์ วิหารเซนต์ปอล นักบุญฟรานซิส หลังจากเช็คอินเสร็จก็พากันออกมาเดินเล่นดูอาคารบ้านเรือนและผู้คน หลังจากที่เดินได้สักพักก็รู้สึกว่าไม่ผิดหวังที่เราเลือกที่จะพักที่มะละกา 2 คืน เพราะคืนเดียวคงเก็บรายละเอียดได้ไม่พอ ทุกอย่างมันดูน่าสนใจไปหมด มะละกาเป็นเมืองที่สีสวยมากๆ(อธิบายไม่ถูกดูจากรูปเอาครับ)

กินข้าวปลาเสร็จก็กลับมานั่งเล่นกันหลังโรงแรมรอไปเคาท์ดาวน์ที่จตุรัสดัตช์ครับ ที่นี่มีทุกอย่างสะอาดสะอ้านอย่างที่เมืองศิวิไลย์ควรจะเป็นครับ ความปลอดภัยของมะละกานี่ติดอันดับ 1 ในมาเลเซียมาหลายปีดีดักละครับ(เดินมั่วได้ไม่ต้องกลัวโดนปล้น)

ก่อนเที่ยงคืนผมก็เดินไปวิหารเซนต์ฟรานซิส ไปดูชาวคริสต์สวดมนต์ข้ามปี(อันนี้ผมคิดเอาเอง) เดินมาถึงจัตุรัสดัตช์ สาวๆ มาถ่ายรูปกันบานเลยครับ มีมาจากทั้งไทย สิงคโปร์ มาเลย์ เกาหลี ญี่ปุ่น ฝรั่งมังค่าก็มี  ในความรู้สึกผมเหมือนอยู่เชียงใหม่เลยครับ เรารอเคาท์ดาวน์เสร็จก็ไปนอนครับเพราะแต่ละคนเมาเพียบ เดินไปเดินมาเดี๋ยวจะเป็นภาระต่อสังคมซะเปล่าๆ

สักพักนึง จะรีบคลอด ep.2 ตามมา

About admin